Monday, December 12, 2005

“ผมไม่ใช่ฮีโร่ ผมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ๆคนหนึ่ง”


วันหยุดเป็นวันที่ใครหลาย ๆ คนไม่ชอบที่จะออกไปข้างนอก อาจจะเป็นเพราะเบื่อหน่ายกับการจราจร เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางตลอดสัปดาห์ เมื่อวันหยุดมาถึงการนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่กับบ้านจึงเป็นวิธีการพักผ่อนที่ดูจะเหมาะสมที่สุดในยุคนี้ ทีวีจึงเป็นอุปกรณ์เพื่อการพักผ่อนในวันหยุดที่สุดประหยัด เอนหลังสบาย ๆในมือถือรีโมท เลือกรายการโปรดที่ชอบ รายการนี้ไม่ชอบก็กดไปช่องอื่น ช่องนี้น่าเบื่อก็เลื่อนไปอีกช่อง มีถึง 6ช่องให้เลือก บ้านไหนมีฐานะขึ้นมาหน่อยและอยากตามกระแสเมืองนอกให้ทันก็ยอมจ่ายรายเดือนกับเคเบิ้ลทีวี เพิ่มมาได้อีกยี่สิบสามสิบช่อง เลือกดูกันได้ตามรสนิยม
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อไม่มีความจำเป็นต้องออกไปไหน ผมใช้เวลาพักผ่อน นอนอยู่กับบ้าน เปิดทีวีดูไปเรื่อย เปลี่ยนช่องไปเรื่อย และแน่นอนครับที่บ้านผมมีเคเบิ้ลเพราะเบื่อรายการจากช่องปกติ จึงยอมควักสตางค์เพื่อบางอย่างที่แตกต่างออกไป แต่ในวันนั้น มันโชคร้ายหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ผมกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปจนครบทุกช่อง ก็ยังไม่เจออะไรที่ตัวเองอยากดูสักที ช่องที่เป็นสาระก็เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกว่าหนักไปสำหรับวันหยุดสบาย ๆ วันนี้ ส่วนช่องบันเทิงก็เป็นบันเทิงเชิงการตลาดจนดูคล้าย ๆ กัน นั่นเป็นเพราะมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันหมด สุดท้ายผมไปหยุดพักอยู่ที่ช่องกีฬา เป็นเทปบันทึกการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ของคืนวาน(เสาร์) ดูอยู่สักพักก็เบื่อเพราะผมรู้ผลของคู่นี้แล้ว ทีนี้จะเอาอย่างไรดี วันหยุดทั้งทีไม่มีอะไรให้ดูเลยหรือนี่ สุดท้ายก็ต้องไปพึ่ง
ดีวีดีที่ซื้อไว้แต่ยังไม่มีเวลาดู ไล่เรียงดูชื่อเรื่องก็ไปสะดุดกับเรื่อง kill bill เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตอนซื้อมานั้นอยากดูมาก แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้แกะพลาสติกเลย อย่างน้อยวันหยุดวันนี้ผมมีอะไรทำแล้ว จากนั้นผมก็ได้ดูการตามล่าตามฆ่าบิล (แสดงโดยเดวิด คาราดีน) แล้วนายบิลคนนี้แหละที่ทำให้ผมหวนรำลึกถึงหนังทีวีที่ผมเคยติดมาก ๆ สมัยวัยรุ่น ซึ่งมีนายบิลคนนี้แสดงนำ
กังฟู (Kung Fu)เป็นหนังทีวีที่สร้างขึ้นในปี 1972 โดยบริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ เทเลวิชั่น เดวิด คาราดีน รับบทเป็น ไคว ชาง เคน เด็กกำพร้าอเมริกันที่ได้เข้าไปศึกษาวิชากังฟูที่วัดเส้าหลินตั้งแต่เด็ก ๆ จากนั้นต้องหลบหนีทางการจีนออกมาเพราะไปฆ่าหลานชายของจักพรรดิ์จีนเข้าให้แม้จะโดยอุบัติเหตุ เคนต้องหลบหนีสู่อเมริกาเพื่อหนีการตามล่าของทางการ และถือเป็นการเดินทางเพื่อตามหาพี่ชายไปด้วย การเดินทางเข้าสู่ดินแดนตะวันตกทำให้เขาต้องพบเจอกับพวกเหล่าร้าย เคนมีเพียงวิชากังฟูที่ติดตัวมา เขาใช้เพียงมือที่กร้านกับหัวใจที่แกร่งต่อสู้ เมื่ออยู่ท่ามกลางควันปืนแห่งทุ่งตะวันตก เรื่องราวดำเนินไปอย่างเรียบ ๆ แต่มันทรงพลังอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยปรัชญาและวิถีแห่งตะวันออกซึ่งในเวลานั้น ผมถือว่าผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ได้หยิบประเด็นความแตกต่างของวิถีตะวันตกและตะวันออก มาพบกันและสร้างสรรค์งานออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ที่สำคัญมันสอดแทรกปรัชญาการดำเนินชีวิตไว้ได้อย่างแนบเนียน จะดูเอาสาระก็ได้ จะดูเอาบันเทิงก็มี ผิดกับหนังหรือละครซึ่งออกอากาศทางทีวีทุกวันนี้ที่อาจจะขาดทัศนคติหรือมุมความคิดที่จะเอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตในสังคมโดยมุ่งไปที่ผลกำไรเป็นหลักเพียงอย่างเดียว

ฝรั่งเรียนกังฟูดูเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับผมและน่าจะสำหรับหลาย ๆ คนในวันนั้น เมื่อหนังออกอากาศ เดวิด คาราดีนก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล เอมมีในฐานะนักแสดงนำยอดเยี่ยม แม้ว่า บรู๊ซ ลี จะเป็นคนแรกที่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาเพื่อให้รับบท ไคว เชง เคน แต่เมื่อที่ประชุมได้พิจารณาและลงมติทุกคนเห็นว่าผู้ชมอเมริกาอาจจะยังไม่พร้อมในการยอมรับดารานำแสดงที่เป็นคนจีน แม้ว่า บรู๊ซ ลี จะเคยรับบท “เคโต้”ผู้ช่วยของหน้ากากแตนในทีวีซีรีส์ เรื่อง The Green Hornet (หน้ากากแตนอาละวาด) ซึ่งออกอากาศไปก่อนหน้านี้ในปี 1966
แม้ว่าเรทติ้งของ กังฟู จะอยู่ในความนิยมอย่างสูงต่อเนื่องมาจนถึงซีซันที่ 3 แต่วอร์เนอร์ก็ต้องปล่อยให้จบชุดลงไป นั่นเป็นเพราะพระเอกของเราขอยุติการแสดง ด้วยเหตุผลที่ตนได้รับบาดเจ็บตลอดเวลาในขณะถ่ายทำ การหยุดตัวเองแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าประชาชนกำลังต้อนรับเขาอย่างมากมาย ต้องเรียกว่าพระเอกกังฟูนั้น “รู้จักพอ” ไม่รอให้เรทติ้งตกซะก่อน
“ผมไม่ใช่ฮีโร่ ผมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง” ไคว เชง เคน กล่าวทิ้งท้าย

เศรษฐสิทธิ์ บุลเสฏฐ์
e-mail:sedthasit@msn.com

No comments: