Wednesday, August 19, 2009

Stop the World! I want to get off !

ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมอ่านพบคำพูดนี้จากหนังสือเล่มใด แต่จากคำพูดนี้มันทำให้ผมหวนนึกออกในอีกหลาย ๆ เรื่องที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต สิ่งที่เคยเป็น วันนี้เปลี่ยนไป ทุกสิ่งคงหนีไม่พ้นกฏแห่งการ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป
ไม่มีอะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลง เราในฐานะผู้อยู่ในสังคม ในโลก ก็คงมีหน้าที่ต้องปรับจูนตัวเองให้สามารถเคลื่อนไหวไปพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้ได้ ผมเองอาจจะโชคดีที่บังเอิญมีชีวิตอยู่ระหว่างจุดเปลี่ยนของยุคพอดี เมื่อโลกเข้าสู่ยุคคอมพิวเตอร์หรือยุคอินเตอร์เน็ตผมก็ยังพอมีแรงที่จะเคลื่อนตัวเองไปกับมันได้ ผมเคยทำงานด้วยกระดาษ ปากกา ปัญญา และความอุตสาหะ แล้วผมก็มีโอกาสได้ตื่นเต้นไปกับการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ที่รวดเร็ว แม่นยำ และสะดวกสบาย บางครั้งผมก็ลืมความรู้สึกและบรรยากาศของการทำงานในยุคกระดาษปากกาไปได้เหมือนกัน จนกระทั่งบางวันที่ระบบคอมพิวเตอร์เกิดรวนขึ้นมา ทุกคนบอกว่าทำงานไม่ได้เพราะระบบล่ม วันนั้นนั่นแหละที่ทำให้ผมเริ่มนึกย้อนไปถึงวันเก่า ๆ ที่เราก็ยังทำงานได้โดยปราศจากอินเตอร์เน็ต ไม่มีคอมพิวเตอร์
ย้อนกลับไปถึงตอนเรียนหนังสือสมัยมัธยม เมื่อคุณครูมอบหมายให้นักเรียนทำรายงาน นั่นคือบททดสอบในหลาย ๆ ด้านของนักเรียนเลยทีเดียว นักเรียนจะได้รู้จักเรียนรู้เริ่มต้นจากการจัดเวลาของตัวเอง เพราะการหาข้อมูลที่จะมาทำรายงานนั้นจะต้องดั้นด้นไปค้นหาที่ห้องสมุดและบางครั้งต้องเดินทางไปถึงห้องสมุดแห่งชาติในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ จากนั้นก็ต้องขลุกอยู่กับแหล่งข้อมูลนั่งจดนั่งคัดลอกออกมา แล้วนำมาเขียนด้วยลายมือลงในกระดาษฟูลแก๊ป หากต้องใช้ภาพประกอบก็ต้องหารูปจากหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือแม้กระทั่งวาดเองขึ้นมา แล้วนำมาประกอบเป็นเล่ม ทำหน้าปกให้สวยด้วยจินตนาการตัวเอง จึงต้องมีเวลากับภาระดังกล่าวพอสมควรทุกอย่างได้รับการตรวจทานและผ่านสายตาไม่น่าจะน้อยกว่าสองสามครั้ง
แต่ทุกวันนี้การทำรายงานไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่คุณครูมอบหมายให้นักเรียนนั้น มันสามารถจัดการทุกอย่างให้เสร็จได้ภายในคืนเดียวด้วยซ้ำ โดยใช้คอมพิวเตอร์ อาจจะไปเสิร์ทในกูเกิ้ล แล้วข้อมูลดังกล่าวก็จะไหลออกมาให้ copy และนำไป paste ลงใน Microsoft word อีกที ทั้งภาพและตัวอักษร จากนั้นสั่ง print เป็นอันเสร็จ สะดวกรวดเร็วกว่ายุคก่อนมาก
สิ่งหนึ่งที่ผมสงสัยก็คือ การทำรายงานในเรื่องใดก็ตาม ความต้องการของคุณครูคือให้เด็กได้รู้จักค้นคว้า ได้อ่านข้อมูล ซึ่งการใช้เวลาไปกับสิ่งนั้นจะทำให้ได้รับความรู้โดยไม่รู้ตัว เล่มรายงานที่ทำเสร็จนั้นอาจสำคัญไม่เท่าขั้นตอนต่าง ๆ ที่สร้างมันขึ้นมา
แต่ด้วยวิธีการยุคใหม่ ผมไม่มั่นใจว่าเด็ก ๆ จะได้อ่านข้อมูลเหล่านั้นหรือเปล่า
เกิดโชคร้าย เด็ก ๆ แค่อยากทำรายงานส่งครูให้มันเสร็จ ๆ เมื่อเสิร์ชเข้าไปในกูเกิ้ลเจอสิ่งที่อยากได้ หัวข้อตรง ก็ก๊อปแปะจบ ด้วยความเร็วและสะดวกขนาดนี้เด็กยุคใหม่จะมีรายงานที่สวยงามและข้อมูลแน่น โดยที่พวกเขาอาจจะไม่ได้ความรู้เลยหรือเปล่า ไม่แน่ใจ แต่ได้คะแนน

ในยุคโน้น การจะมีแฟนสักคน การจะมีความรักสักครั้ง มันช่างลำบากและต้องใช้ขั้นตอนที่ต้องใช้ความอุตสาหะไม่แพ้การทำรายงานส่งครู ลองคิดตามนะครับสำหรับเด็ก ๆ ยุคใหม่ที่อาจจะนึกภาพบรรยากาศในยุคนั้นไม่ออก
ปัจจัยที่มาอันดับแรกคือเรื่องเวลา เด็กยุคโน้นดูเหมือนจะไม่ค่อยมีโอกาสไปเตร็ดเตร่ที่ไหนมากนัก สถานที่ที่จะให้ไปเที่ยวหลังเลิกเรียนก็เห็นจะมีแต่สยาม ร้านเหล้าไม่ต้องพูดถึง เมื่อเป็นเช่นนี้โอกาสที่เราจะได้ไปพบใครที่ถูกใจสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากบนรถเมลหรือตามงานนิทรรศการที่จะจัดขึ้นตามโรงเรียนต่าง ๆ และเมื่อพบและรู้จักกันแล้ว ก็จะไม่มีโอกาสได้พบเจอหรือพูดคุยกันบ่อยนัก ยุคนั้นบ้านไหนมีโทรศัพท์ที่บ้านก็นับว่าเป็นบ้านที่มีฐานะดีพอสมควร เพราะค่าติดตั้งนั้นแพงมาก ๆ
สำหรับเด็กจน ๆ ที่ร่ำรวยความรักก็คงต้องใช้พึ่งพาจดหมาย การนั่งเขียนจดหมายถือเป็นเวลาที่มีความสุขอีกช่วงเวลาหนึ่งเลยทีเดียว นี่ยังไม่นับการที่ต้องเดินเลือกซื้อกระดาษเขียนจดหมายที่คิดว่าเขาหรือเธอจะถูกใจ การเลือกใช้ซองที่เข้ากันได้อย่างดีกับกระดาษที่เลือก ขั้นตอนเหล่านี้ล้วนมีส่วนในการทำให้ความรักนั้นมั่นคงและจริงใจ หลังจากส่งจดหมายรักออกไป ก็จะต้องมาคอยใจจดใจจ่อรอจดหมายตอบกลับอย่างตื่นเต้นทุกวัน มันตื่นเต้นทุกขั้นตอนเลยจริง ๆ การใช้จดหมายเป็นสื่อกลางเพื่อการนัดหมายทำให้การจะพบกันแต่ละครั้งของหนุ่มสาวมีความสำคัญ และนั่นอาจทำให้ความรักและการนัดหมายทุกครั้งดูมีค่ามากกว่าทุกวันนี้ที่การนัดหมายทำกันได้อย่างง่ายๆ เพราะทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ นัดกันได้ทันทีและบอกเลิกนัดกันได้อย่างง่ายดาย อาจจะเป็นสาเหตที่ทำให้ความรักและการนัดหมายของหนุ่มสาวยุคนี้ดูฉาบฉวยและไม่ค่อยมีความสำคัญเท่ากับหนุ่มสาวในยุคนั้น
ผมไม่ทราบหรอกครับว่า แล้วตกลงยุคไหนดีกว่ากัน ในแต่ละยุคก็มีข้อดีและข้อด้อยในตัวเอง น่าจะอยู่ที่คนในยุคนั้น ๆ ว่าจะมีวิธีปรับเปลี่ยนตัวเองให้อยู่ร่วมในยุคสมัยนั้น ๆ อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดและมีความสุขมากที่สุด
หาก รายงาน หรือ คนรัก เปรียบได้กับเป้าหมายของชีวิตที่เราพยายามเดินไปให้ถึง สำหรับผม ผมชอบการเดินทอดน่องและมีความสุขกับการมองความสวยงามของสองข้างทางไปด้วย ส่วนจะถึงจุดหมายเมื่อไรนั้นค่อยมาว่ากันทีหลัง