Wednesday, December 14, 2005

เบนนี่ ฮิลล์ คนที่ “น่าเป็น” ที่สุดในโลก


“หากเราสามารถนำเอาเสียงหัวเราะมาสังเคราะห์เป็นยาได้ โลกจะมียาที่สามารถรักษาโรคได้ทุกชนิด ตั้งแต่โรคซึมเศร้าไปจนถึงโรคหัวใจเลยทีเดียว” การหัวเราะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ให้กับร่างกาย ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาวซึ่งมีหน้าที่จัดการกับสิ่งแปลกปลอมที่แอบซ่อนเข้ามาในร่างกาย ดังนั้นคนที่มีอารมณ์ขัน คนที่ได้หัวเราะบ่อย ๆ จึงไม่ค่อยเจ็บป่วย ร่างกายแข็งแรง หัวใจสดชื่น ที่สำคัญช่วยชะลอความแก่ให้อีกซะด้วย ในอเมริกา แคนาดา อังกฤษและอีกหลาย ๆ ประเทศเริ่มทดลองที่จะรักษาผู้ป่วยด้วยการหัวเราะแทนการรักษาด้วยยา แม้ว่าเสียงหัวเราะจะมีประโยชน์
แต่ถ้ามากเกินไปก็อาจจะเป็นอันตรายได้ ในยุคกลางเคยใช้วิธีจั๊กกะจี้เป็นเครื่องมือในการทรมานนักโทษมาก่อน
จำได้ว่าเด็ก ๆ นั้นครองความเป็นจ้าวแห่งเสียงหัวเราะ จากนั้นโอกาสหัวเราะก็จะน้อยลงเรื่อย ๆ เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ในแต่ละวันแทบจะไม่มีเสียงหัวเราะออกมาเลย นั่นอาจจะเป็นเพราะหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ ตัวเลขที่ต้องดูแล ยอดขายที่ต้องผลักดัน ชีวิตต้องเดินไปในสังคมที่อุดมไปด้วยการแข่งขัน ทุกอย่างรีบไปหมด กลับถึงบ้านก็หลับเป็นตาย น่าเสียดายที่เราโตขึ้นมาในโลกที่จริงจังเกินไป โอกาสหัวเราะมีไม่มากในแต่ละวัน มันคงจะดีขึ้นถ้าเราลองหัดกลับไปทำตัวเป็นเด็กบ้าง สนุกกับชีวิตให้มากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ในเวลาสั้น ๆ มันก็น่าจะทำให้ดีขึ้นบ้าง หยุดเครียด หยุดจริงจังกับชีวิต ปล่อยวางอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง แล้วเพิ่มอารมณ์ขันให้กับตัวเองวันละนิด ลองสังเกตเพื่อน ๆ หรือคนใกล้ตัวดู คนที่มีอารมณ์ขันมักจะเป็นคนที่มีเสน่ห์ ใคร ๆ ก็หลงใหลและอยากใกล้ชิดอยากพูดคุย ต่อให้เจ้าคารมก็แพ้อารมณ์ขัน ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ร่ำรวยอารมณ์ขันมักจะมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่าคนที่จริงจัง พรุ่งนี้หลังจบการประชุมลองจับกลุ่มแลกเปลี่ยนเล่าเรื่องขำขันสู่กันฟังในหมู่เพื่อนร่วมงาน อาจจะเป็นเรื่องขำขันน่ารัก ๆ หรือเรื่องทะลึ่ง ทะเล้น ไปจนถึงลามกก็คงจะช่วยให้กระชุ่มกระชวยได้บ้าง
พูดถึงอารมณ์ขันแบบทะลึ่งทะเล้น เบนนี่ ฮิลล์ โชว์ รายการทีวีในช่วงปี 70-80 เป็นรายการตลกที่โด่งดังไปกว่า100ประเทศทั่วโลก ผมยังจำได้ถึงเสียงหัวเราะของตัวเองและพี่ชายในวันที่เรานั่งดูเบนนี่ ฮิลล์ บางครั้งหัวเราะกันจนน้ำหูน้ำตาไหล องค์ประกอบต่าง ๆ ในรายการ เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างไม่หยุดหย่อน มุขทะลึ่ง ๆ และใบหน้าที่ทะเล้น ดูกรุ่มกริ่ม ของเบนนี่นั้น มันช่างกวนเบื้องล่างแต่ก็น่ารักน่าชังในเวลาเดียวกัน องค์ประกอบทุกอย่างที่เบนนี่นำมาใส่ในรายการมันเรียกเสียงหัวเราะได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งตัวละครจนถึงเพลงประกอบ ซึ่งเพลง “Ernie(The Fastest Milk cart In The West)” ของเขาเคยขึ้นไปอยู่ถึงอันดับต้น ๆ ในชาร์ตของอังกฤษในปี 1971 อีกอย่างที่ผมชอบมากและคอยดูอยู่ทุกตอนก็คือเหล่าบรรดานางฟ้าของเบนนี่ ในชุดน้อยชิ้นวิ่งหนีการไล่ตามของเฒ่าหัวงู(บางทีก็หัวล้าน)ด้วยสปีดที่เร็วผิดปกติซึ่งเข้ากับดนตรีที่ให้ความรู้สึกสัปดนนิด ๆ ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นช่วงทีเด็ดของรายการ ทำให้รายการโด่งดังและจดจำได้อย่างไม่มีวันลืม จะว่าลามก มันก็ไม่ใช่ เอาเป็นว่าข้อหาหนักสุดก็น่าจะแค่ทะลึ่งถึงสัปดน
เบนนี่ ฮิลล์ โชว์ ถือกำเนิดขึ้นในปี 1955 จากนั้นมาทั่วโลกก็คุ้นและขำกับตลก”หน้าเป็น” คนนี้
เบนนี่ เสียชีวิตโดยลำพังภายในห้องพัก ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ในเดือนเมษายน ปี 1992 ด้วยวัย 68 ปี เหลือทิ้งไว้เพียงทรัพย์สินมูลค่า 10 ล้านปอนด์ ตลอดชีวิตไม่เคยมีรถยนต์ส่วนตัวแม้สักคัน และไม่เคยมีภรรยาแม้สักคน เข้าใจว่าเบนนี่คงใช้ชีวิตแบบคุ้มที่สุด ความจริงความดังระดับเขาน่าจะมีเงินสะสมมากกว่านั้น แต่เขาคงไม่ได้สนใจ ไม่ได้ใช้ชีวิตไปตามขนบความคิดของสังคม เขาคงมีความสุขกับการสร้างเสียงหัวเราะ เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นคนแบบนี้ เขาจึงไม่ยอมแต่งงาน เพราะการที่จะดำเนินชีวิตในแบบที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำ การเดินคนเดียวคือทางออก เมื่อชีวิตหยุดทุกอย่างก็จบ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ไม่ต้องมีคนมาโศกเศร้า ซึ่งเบนนี่อาจจะไม่ต้องการ สิ่งที่เขาต้องการอาจเป็นเพียงแค่เสียงหัวเราะที่ดังไปทั้งโลกเท่านั้น และมันก็เป็นเช่นนั้น แม้ในวันที่เขาได้หยุดหัวเราะไปแล้ว


เศรษฐสิทธิ์ บุลเสฏฐ์
e-mail : sedthasit@msn.com

No comments: