Friday, March 03, 2006

แปลกปลอมและเปลี่ยนแปลง

ผมเริ่มเขียนคอลัมน์นี้เมื่อต้นปี จำได้ว่าวันจันทร์แรกของเดือนมกราคม เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ ทุกเรื่องที่ตีพิมพ์ ท้ายเรื่องผมจะทิ้งอีเมลของตัวเองไว้ ด้วยความหวังแบบเด็ก ๆ ที่ยังมือใหม่ว่าจะมีใครเขียนเข้ามาคุยด้วย เรียกว่าอ่านคอลัมน์แล้วเกิดชอบก็เขียนมาติติง หรือพูดคุย ถกเถียงถึงประเด็นต่าง ๆ ที่ผมหยิบขึ้นมาเขียน ผมแวะเข้าไปเช็คเมลดูทุกวัน แต่มันก็ว่างเปล่า ไม่มีแฟนคอลัมน์ ไม่มีใครเขียนมาคุย ทำให้คิดเลยไปอีกว่าอาจจะไม่มีใครอ่านด้วยซ้ำ ในขณะที่กำลังใจกำลังจะหดหายแล้ววันหนึ่งเมื่อผมเปิดเมลขึ้นมาก็พบจดหมายฉบับหนึ่งเป็นฉบับแรก จาก เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค แชนแนล อยากให้ผมช่วยประชาสัมพันธ์รายการทางยูบีซี 24 ชื่อรายการ “Strange Days on Planet Earth” ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 ตอน เริ่มออกอากาศตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.นี้ โดยเนื้อหาหลักใหญ่ ๆ จะเน้นถึงความสำคัญของธรรมชาติ พูดถึงผลกระทบที่มีความสัมพันธ์ต่อกันกันระหว่างสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อโลก และสิ่งที่โลกมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ดำเนินรายการโดยพระเอกมาดเท่ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน ตัวรายการจะดำเนินเรื่องเหมือนภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนสมัยใหม่ โดยจะนำเสนอเกี่ยวกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่บนโลก และไขความลี้ลับ ปะติดปะต่อเพื่อหาคำตอบสำหรับปริศนาต่างๆ จนได้ค้นพบว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมีความเกี่ยวข้องกัน ในตอนที่ชื่อว่า Invader พูดถึงพืชและสัตว์พันธุ์ประหลาด ๆ ได้แพร่พันธุ์เข้าไปในทุกทวีป แพร่กระจายโรค กัดกินตัวอาคาร ทำลายผืนดินอย่างเงียบ ๆ และนี่อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่อีกครั้งหลังจากการสิ้นสุดขอยุคไดโนเสาร์ อะไรคือสาเหตุของการบุกรุกครั้งนี้และเราในฐานะมนุษย์จะหยุดการบุกรุกนี้ได้หรือไม่อย่างไร สารคดีชุดนี้จะออกอากาศทางยูบีซี 24 ตลอดทั้งเดือนมีนาคมนี้ ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจจึงนำมาช่วยประชาสัมพันธ์ให้ และบังเอิญผมเองก็กำลังเตรียมเรื่องที่เกี่ยวกับ ”สิ่งแปลกปลอม” ที่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงกับสังคมเรา แต่อาจจะไม่ได้น่ากลัวระดับโลกเหมือนในสารคดีชุดดังกล่าว เป็นเรื่องเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ดีดีผมก็เกิดรู้สึกขึ้นมา ยุคนี้เป็นยุคของการติดต่อสื่อสาร ทุกวันนี้เรามีอุปกรณ์สื่อสารที่ย่นระยะเวลาได้มาก รวดเร็ว สะดวก ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี แทบจะทุกคนมีโทรศัพท์ติดตัว ติดต่อกันได้ตลอดเวลา นัดหมายกันก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหากันไม่เจอ แค่นัดบริเวณก็สามารถโทรเช็คกันได้ไม่มีหลง ทำให้อดนึกถึงสมัยก่อนไม่ได้ หนุ่มสาวในสมัยก่อนนั้นลำบากกว่าสมัยนี้เยอะสมัยนั้นเวลาหนุ่มสาวจะนัดหมายเพื่อพบเจอกันแต่ละครั้ง เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานัดกันเป็นอาทิตย์ ผมจำได้ถึงวันนั้น จำได้ถึงการต้องเดินหาซื้อกระดาษเขียนจดหมายลายสวย ๆ ซึ่งจะดีขึ้นอีกมากหากมีกลิ่นหอม จากนั้นก็เลือกซองที่เข้ากันกว่าจะเลือกได้ถูกใจบางทีก็เป็นชั่วโมง จากนั้นก็มาถึงขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นคือทุกตัวอักษรที่บรรจงเขียนลงบนกระดาษนั้นต้องกลั่นกรองอย่างพิถีพิถันต้องระวังไม่ให้กระดาษเลอะเทอะ บางครั้งต้องวางเลย์เอาท์ให้งดงาม เพื่อแสดงถึงความรักที่มีต่อเธอ เมื่อเขียนเสร็จซึ่งอาจจะหนึ่งหน้าหรือสองหน้าก็ต้องค่อย ๆ พับให้พอดีซอง ปิดซอง ปิดแสตมป์ ทุกขั้นตอนทำอย่างบรรจง หลังจากหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ไปแล้ว ก็เฝ้ารอบุรุษไปรษณีย์ที่จะถือสาส์นจากเธอกลับมา ลุ้นว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร การนัดหมายมันช่างกินเวลา กินพลังงาน แต่ทุกขั้นตอนช่างละเอียดอ่อนดุจงานศิลปเลยทีเดียว การพบกันแต่ละครั้งจึงมีค่ามาก ในวันนั้นบ้านไหนมีโทรศัพท์ก็นับว่ามีอันจะกินพอสมควรเพราะค่าติดตั้งนั้นแพงมาก และต้องติดต่อขอติดติดตั้งนาน บางครั้งหกเดือน บางครั้งยังไม่มีคู่สายผ่านก็รอเป็นปี แต่วันนี้โทรศัพท์แย่งกันให้บริการ ยิ่งกว่านั้นทุกคนยังมีมือถือ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างง่ายขึ้น นึกจะนัดแฟนก็กดมือถือเดี๋ยวก็ได้คุย ได้เจอ
บางทีนัดกันแล้ว เกิดไม่อยากไปหรือมีธุระก็กดมือถือยกเลิกนัด บางครั้งอยู่ห่างกันแค่สองสามช่วงตึกก็กดมือถือ “เธออยู่ไหนแล้ว” ทั้ง ๆ ที่หลังแทบจะชนกัน มันสะดวกขนาดนั้น จดหมายยาว ๆ แบบเมื่อก่อนก็หายไปจากสังคมพร้อมกับความพิถีพิถัน หายไปพร้อม ๆ กับความอ่อนโยนของอารมณ์ หายไปพร้อมกับชีวิตที่เคยเดินไปอย่างช้า ๆ แต่ทว่าท่วงท่างดงาม กลายมาเป็นความรวดเร็ว ทุกอย่างต้องสั้น กระชับ สะดวก และสบาย ลองคิดเล่น ๆ ดูนะครับ หากวันนี้มือถือคุณหาย หรือคุณลืมเอามาจากบ้าน มันจะมีผลอย่างไรบ้างกับชีวิตในวันนี้ของคุณ ค่อย ๆ คิดนะครับ ไม่ต้องรีบ

เศรษฐสิทธิ์ บุลเสฏฐ์
sedthasit@msn.com