Wednesday, July 26, 2006

"Somewhere Over the Rainbow"


คุณเห็น”รุ้งกินน้ำ”ครั้งสุดท้ายเมื่อไร สำหรับผมจำไม่ได้ซะแล้ว อยู่ดีดีในวันที่ฝนฟ้าตกหนักและหยุดลง อากาศเย็นสบาย ผมนั่งดูหน้าบ้านจ้องมองไปบนท้องฟ้าและก็ให้รู้สึกคิดถึง”รุ้งกินน้ำ”ขึ้นมา เคยจำได้ว่าสมัยเรียนหนังสือตอนเป็นเด็ก ในชั่วโมงวาดเขียน(หรือชั่วโมงน่าเบื่ออื่น ๆ ) ผมมักจะวาดภาพรุ้งกินน้ำบ่อย ๆ เพราะมันสวยและวาดไม่ยากนัก แม้จะวาดภาพวิวซึ่งเป็นภาพยอดนิยมสำหรับผมก็จะต้องมีรุ้งกินน้ำประกอบอยู่ด้วยเสมอ แม้คุณครูจะพร่ำสอนว่ามันเป็นปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ แต่สำหรับเด็กเล็ก ๆ อย่างผมในขณะนั้นอดคิดไม่ได้ว่าบนนั้นจะมีเทวดาอาศัยอยู่หรือเปล่า
“อย่าชี้นะ ถ้าชี้รุ้งนิ้วจะกุด” เด็กโตคนหนึ่งเคยเตือนผมไว้ พร้อมบอกวิธีแก้ให้เสร็จ
“หากเผลอชี้ไปแล้ว ต้องเอานิ้วไปจิ้มก้นตัวเอง แล้วเอามาดม” นั่นคือวิธีแก้ไม่ให้นิ้วกุด และยิ่งทำให้ผมรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของรุ้งกินน้ำยิ่งขึ้น ถึงบัดนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าผู้ใหญ่ท่านทำไมจึงไม่อยากให้เราชี้รุ้ง เคยถกเรื่องนี้กับเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่ง คือนายโด๊ด อดีตมือคีย์บอร์ดวง วายน็อตเซเว่น โด๊ดออกความเห็นว่า อาจะเป็นเพราะเด็ก ๆ สมัยก่อนต้องวิ่งเล่นกะดินกะทราย มือไม้อาจจะสกปรกเปรอะเปื้อน การยกมือขึ้นชี้ฟ้า(ชี้รุ้ง)อาจจะทำให้ฝุ่นที่ติดมือปลิวเข้าตา เพราะว่าช่วงรุ้งมาหลังฝนตกลมมักจะแรง ผมฟังแล้วก็ไม่ค่อยคล้อยตามเท่าไร แต่ค่อนข้างแน่ใจว่าผู้ใหญ่คงไม่มาห้ามเด็ก ๆ อย่างเราอย่างไม่มีเหตุผลแน่ ๆ
“กูว่าผู้ใหญ่ท่านเชื่อว่ารุ้งเป็นปรากฏการณ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ว่ะ” ผมออกความเห็นค้านสิ่งที่โด๊ดคิด
“ท่านก็เลยคิดว่าไม่ควรไปชี้ เพราะอาจจะเป็นการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์” โด๊ดไม่เถียง ไม่รู้ว่าเห็นด้วยหรือว่ายังคิดเหตุผลคัดค้านอื่น ๆ ไม่ออก
“หรือท่านจะคิดว่ารุ้งกินน้ำเป็นภาพเขียนของเทวดา” เมื่อค้านไม่ได้โด๊ดเลยหาเหตุผลสนับสนุนความเชื่อของผม
“เออ แล้วรุ้งทำไมกินน้ำอย่างเดียววะ ทำไมรุ้งไม่กินข้าวบ้าง” ความคิดผมเตลิดไปใหญ่ แบบไม่จริงจังนัก
“ฝนตก น้ำเยอะ รุ้งก็เลยลงมากินน้ำ เขาเลยเรียกรุ้งกินน้ำพี่” โด๊ดอธิบายดุจผู้เชี่ยวชาญทางปรากฏการณ์วิทยา
ทำให้ผมคิดได้ว่า อาจจะเป็นเพราะว่าสมัยนั้นเราทำไร่ทำนากันส่วนใหญ่ เมื่อฝนตก น้ำท่วมไร่นา ก็จะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน แต่เมื่อรุ้งกินน้ำ ปรากฏขึ้น มาช่วยกินน้ำ ก็เป็นการช่วยชาวไร่ชาวนาให้รอดจากการถูกน้ำท่วม ชาวบ้านจึงถือว่ารุ้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาช่วยชาวบ้านกินน้ำ
ระยะหลัง ๆ เราไม่ค่อยได้เห็นรุ้งกินน้ำบ่อยนักหรือแทบไม่ได้เห็นเลย เราจึงเจอปัญหาน้ำท่วมบ่อย ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพ
“รุ้ง” มีส่วนร่วมในชีวิตของเด็ก ๆ รุ่นผมอยู่มากทีเดียว อย่างน้อยก็น่าจะมากกว่าเด็ก ๆ ในวันนี้ ที่กล้าพูดแบบนี้ เพราะว่า “รุ้ง”ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าบ่อยมากเมื่อตอนผมเด็ก ๆ เมื่อเห็นบ่อย เมื่อถึงเวลาวาดรูป เด็ก ๆ จึงนำภาพรุ้งไปไว้บนกระดาษวาดเขียนของเขาบ่อย ๆ เช่นกัน
“รุ้ง”ถูกนำไปเกี่ยวข้องกับจินตนาการของเด็ก ๆ ในสมัยนั้น หลายครั้งในวันนั้นผมอดคิดไม่ได้ว่าบนสายรุ้งสีสดทั้ง 7 สีนั้น จะมีเมืองอยู่บนนั้นได้หรือไม่ และเมือง ๆ นั้นคงจะสวยงามและสีสันสดใสทีเดียว

"Somewhere Over the Rainbow"
Music by Harold Arlen
Lyrics by E.Y. Harburg


Somewhere over the rainbow
Way up high,
There's a land that I heard of
Once in a lullaby.
Somewhere over the rainbow
Skies are blue,
And the dreams that you dare to dream
Really do come true.

Someday I'll wish upon a star
And wake up where the clouds are far
Behind me.
Where troubles melt like lemon drops
Away above the chimney tops
That's where you'll find me.

Somewhere over the rainbow
Bluebirds fly.
Birds fly over the rainbow.
Why then, oh why can't I?

If happy little bluebirds fly
Beyond the rainbow
Why, oh why can't I?

เพลง ๆ นี้ประพันธ์เนื้อร้องโดย E.Y. Harburg ประพันธ์ดนตรีโดย Harold Arlen ขับร้องโดยจูดี้ การ์แลนด์ (Judy Garland)c] และตัวเธอรับบทเป็น โดโรธี เด็กช่างฝันในภาพยนตร์เรื่อง
The Wizard of OZ ออกฉายครั้งแรกในปี ค.ศ.1939 จัดเป็นหนึ่งในภาพยนตร์คลาสสิคยอดเยี่ยมตลอดกาลของอเมริกา ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 รางวัลรวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปี 1939
วันนี้ ฝนตกหนักทั้งวันเช่นเดียวกันกับเมื่อวันวาน จิตนาการของผมกำลังเลือนหายไป เพราะความจริงที่วิ่งเข้ามาในชีวิตมันช่างมากมายเหลือเกิน ผมเหนื่อย ผมหน่าย จิตนาการจึงค่อย ๆ เลือนหายไปพร้อม ๆ กับสายรุ้ง ที่ไม่มีวันรุ่งอยู่บนฟ้าอีกแล้ว