Thursday, June 15, 2006

คิดถึงสังคัง




เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันนั้น ประมาณปีพ.ศ. 2511 – 2512 สนามซีเมนต์ขนาดประมาณสนามบาสเก็ตบอล ถูกใช้เป็นสนามฟุตบอลขนาดย่อม ลูกฟุตบอลพลาสติกขนาดเล็กถูกเตะไปเตะมาจากผู้เล่นทั้ง 14 คน ข้างละ 7 คน ความยากของเกมส์ นอกจากจะต้องพาลูกฟุตบอลหลบหลีกฝ่ายตรงข้ามแล้วนั้น นักฟุตบอลรุ่นจิ๋วในสนามจะต้องหลบเลี่ยงการวิ่งเข้าชนจากผู้เล่นทีมอื่น ๆ ในสนามซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 6 ทีม นั่นหมายความว่าสนามเล็ก ๆ นั้นจะมีผู้เล่นในสนามทั้งหมดอย่างน้อย 42 คน เป็นเกมส์ที่ต้องใช้ความเร็วและโชคเป็นพิเศษ ตั้งแต่เช้าหกโมงครึ่งไปจนถึงเวลาแปดโมง กระดิ่งดังขึ้น เกมส์จึงยุติลง นักกีฬาตัวจิ๋วทั้งหมดเตรียมล้างหน้าล้างตาเพื่อเตรียมตัวเข้าแถวเคารพธงชาติ เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง เป็นอันรู้กันว่านักกีฬาจะพากันไปกินข้าวกลางวันอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะมารวมตัวกันที่สนามและจับจองพื้นที่ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ทีมอื่น ๆ จะพากันมาแน่นสนามและทำให้เกมส์เล่นลำบาก และหากวันใดไม่มีการบ้านก็ยังมีเกมส์ตอนเย็นแถมอีก เป็นเช่นนี้ตลอดช่วงเวลาที่เรียนชั้นประถม 4 จนถึงประถม 7
ครั้งหนึ่งยังจำได้ว่าครูประจำชั้นคงทนเห็นพวกเราเนื้อตัวเปียกปอนกันตั้งแต่ชั่วโมงแรกไม่ไหว จึงอยากจะให้พวกเราพร้อมที่จะเรียนหนังสือมากกว่านี้ การที่เนื้อตัวเปียกโชคทั้งเสื้อทั้งกางเกงตั้งแต่ชั่วโมงแรกแบบนี้ มันจะไปเรียนหนังสือรู้เรื่องได้อย่างไร
“ไหน พวกนักฟุตบอลทั้งหมดออกมายืนหน้าชั้นซิ” คุณครูยอมเสียเวลาสอนหนังสือ ในมือถือไม้เรียว ใหม่เอี่ยม ยาวและเรียว สมชื่อจริง ๆ
พวกเราทั้งหมดกว่าสิบคนจึงก้าวออกไปยืนหน้าชั้น ในใจนึกหวั่น วันนี้คงไม่รอดไม้เรียวเป็นแน่
“เอ้า นักฟุตบอลทุกคน ไหนใครเล่นตำแหน่งอะไรกันบ้าง” คุณครูถามพร้อมกับตวัดไม้เรียวจอมเฮี๊ยบเป็นการขู่ขวัญ หากคำตอบที่ได้ไม่ป็นที่พอใจ
“ศูนย์หน้าครับ” คนแรกซึ่งอยู่หัวแถวตอบ
“ศูนย์หน้า” คือตำแหน่งที่ทุกคนพยายามที่จะเป็นเมื่ออยู่ในเกมส์ เพราะรู้สึกว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญสุด ได้ยิงประตู เท่สุด แต่ที่สำคัญเราไม่รู้จักตำแหน่งอื่น ๆ กันหรอก เด็กขนาดนั้น เล่นเอามันส์อย่างเดียว ดังนั้นคำตอบของคนต่อ ๆ มาจึงเป็น”ศูนย์หน้า” กันหมดทุกคน เรียกว่าเป็นศูนย์หน้ากันทั้งทีม ก็สนามขนาดนั้น คนในสนามกว่าครึ่งร้อย จะไปเล่นตามตำแหน่งก็คงไม่สนุก มันก็ต้องมั่ว ๆ ไปแบบนั้นล่ะ สนุกดี
เมื่อทั้งทีมมีแต่”ศูนย์หน้า” ครูประจำชั้นก็เลยหวดซะคนละสามที หวดลงไปบนกางเกงซึ่งยังเปียกโชกอยู่ เสียงดังเปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ .....
“เล่นฟุตบอล ยังเล่นกันไม่เป็นเลย มีอย่างที่ไหนเป็น”ศูนย์หน้า”กันทั้งทีม” นี่คือเหตุที่ครูต้องตี ความจริงคุณครูก็คงหาเรื่องตีเราอยู่แล้วล่ะ แต่วันนั้นท่านก็หาเรื่องตีเราได้ง่ายขึ้น
จากเหตุการณ์วันนั้นเกมส์ตอนเช้าน่าจะยุติลง แต่เราก็ไม่อาจยับยั้งเสน่ห์แห่งลูกฟุตบอลพลาสติกใบเล็กซึ่งบัดนี้ได้รับการพัฒนาโดยการผ่าออกแล้วยัดไส้เข้าไปอีกหนึ่งใบเพื่อให้มันมีน้ำหนักและสามารถคอนโทรลได้โดยที่ลูกไม่เหิรมากเกินไป แต่เกมส์ในตอนเช้าเราก็จะเลิกให้ไวหน่อย หากชั่วโมงแรกเป็นของคุณครูประจำชั้น ส่วนเกมส์ตอนกลางวันนั้นก็ยังเข้มข้นเหมือนเดิมเป็นเช่นนี้ตลอดเทอม ทุกเทอม ทุกชั้น ทุกวันจนกระทั่งจบประถม 7 นั่นไม่นับเกมส์ตอนเย็นซึ่งก็มีประจำเกือบทุกเย็น ซึ่งเราจะไปเล่นกันที่สนามใหญ่ (สนามหญ้า) ในกรมทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วมักจะเป็นเย็นวันศุกร์
ช่วงเวลาดังกล่าว นักกีฬารุ่นจิ๋วทุกคนหาได้รู้ตัวไม่ว่ากำลังถูกคุกคามจาก ”ความคัน” ซึ่งกำลังคืบคลานเข้าไปในกางเกงของพวกเขาอย่างช้า ๆ อาการคันที่ทั้งบุกและรุก ล่วงล้ำ เข้ายึดเกาะและกัดแทะบริเวณอัณฑะ ทำให้ผู้เป็นเจ้าของไข่น้อย ๆ ทั้งคู่เกิดอาการคัน คันอย่างชนิดที่ว่าไม่สามารถหยุดเกาได้ ยิ่งเกาก็ยิ่งมันส์ เจ้าเชื้อราที่เรียกกันว่า”สังคัง”
เชื่อว่าเด็ก ๆ ทุกวันนี้คงมีน้อยคนมากที่จะรู้จัก “สังคัง” สำหรับคนที่อยู่ในยุคนั้น เชื่อว่าน่าจะรู้จักและเชื่อว่าน่าจะเคยสนิทติดเชื้อจากเจ้า”สังคัง”ตัวนี้ “ซีมา”คือยาแก้ ที่เด็กสมัยนั้นใช้ปราบสังคัง แต่ในขณะที่ใช้” ซีมา” ทาลงไปบนไข่ที่สังคังเกาะ อาจจะต้องใช้ความอดทนสูงสักหน่อย เพราะมันจะแสบมาก ดังนั้นก่อนที่จะลง”ซีมา” ต้องเตรียมหาพัดลมมาเปิดรอไว้เสียก่อน และควรจะเปิดเบอร์ 3 แรงสุด แล้วเล็งพัดลมให้เป่าลงตรงเป้าหมายในขณะที่ทา” ซีมา”ลงไป ก็จะช่วยบรรเทาความแสบลงไปได้บ้าง สัก4-5 วัน ผิวหนังบริเวณที่โดน”ซีมา”ก็จะเริ่มลอกและหลุด จากนั้นอาการคันมันก็จะหายไป และก็พร้อมจะเป็นขึ้นมาใหม่เมื่อมีการหมักหมมเกิดขึ้นอีก ซึ่งย่อมเกิดขึ้นแน่นอนกับนักฟุตบอลรุ่นจิ๋วอย่างพวกเรา

คืนวันนี้ ตี 2 กับอีก 3 นาที เกมส์ฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมันนี เป็นเกมส์ระหว่างอิตาลีและกานา เริ่มต้นคิกออฟ เป็นวันที่ 4 แล้ว หลังจากที่เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน ทั้งโลกให้ความสนใจ ฟุตบอลโลกมาถึงทีไรธุรกิจอื่น ๆ มักจะต้องหวาดกลัว เพราะเชื่อว่าผู้บริโภคจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจากฟุตบอล โฆษณาในช่วงบอลโลกเราจึงเห็นแต่โฆษณาที่อิงบอลโลก หนังสือพิมพ์พูดถึงแต่บอลโลก พนักงานหยุดคิดเรื่องงานไว้ชั่วคราวเพื่อบอลโลก แม้แต่ตัวผมเองก็ยังมารอนั่งดูบอลโลกแม้จะดึกแค่ไหนก็ตาม แต่มาสะดุดนิดหน่อยเมื่อมานึกได้ว่าพรุ่งนี้ต้องไปส่งลูกเรียนพิเศษ ลูกชายผมไม่สนบอลโลก ทำให้ต้องคิดต่อไปว่าทำไมเขาถึงไม่สนใจฟุตบอลโลก ทำให้ได้ข้อสังเกตว่าเด็ก ๆ สมัยนี้ไม่ได้เล่นบอลเหมือนสมัยผม เด็ก ๆ สมัยนี้มักจะถูกปลูกฝังให้เรียน เรียนให้มากกว่าเพื่อน ๆ จะได้สอบชนะเพื่อน ๆ ผู้ปกครอง ครู ให้ความสำคัญกับการ ”เล่าเรียน” มากกว่าการ ”เรียนรู้” ผมเองไม่ทราบว่าที่โรงเรียนทุกวันนี้ ยังมีสนามให้เด็กวิ่งเล่นอยู่หรือเปล่า หรืออาจจะเอาพื้นที่ไปทำอย่างอื่นหมดแล้ว ขึ้นอาคารใหม่ หรือทำที่จอดรถ ทั้งนี้ไม่ต้องคิดถึงนอกโรงเรียน พื้นที่ ๆ จะเป็นสนามฟุตบอลหรือสนามกีฬา ดูเหมือนว่าหายากมาก พื้นที่ว่างมักจะถูกทำเป็นคอนโดฯ ตึกสำนักงาน หรือไม่ก็ศูนย์การค้า เด็ก ๆ สมัยนี้ สนามฟุตบอลของพวกเขาจึงเหลือขนาดแค่เพียงจอทีวี ไม่ต้องออกแรง ไม่ต้องทนร้อนไม่ต้องใช้เท้าเล่น อาศัยความว่องไวของปลายนิ้วโป้งจากสองมือก็เพียงพอแล้ว

ฟุตบอลโลกปีนี้ทำให้ผมคิดถึงเด็ก ๆ คิดถึงสนามเด็กเล่นที่เคยวิ่งเล่น สงสัยว่าเด็ก ๆ ทุกวันนี้จะมีเวลาวิ่งเล่นกันบ้างไหมหนอ แล้ว “สังคัง” ยังมีอยู่ไหมในกางเกงของเด็ก ๆ สมัยนี้

Where Do The Children Play?
Well I think it's fine, building jumbo planes.
Or taking a ride on a cosmic train.
Switch on summer from a slot machine.
Yes, get what you want to if you want, 'cause you can get anything.

I know we've come a long way,
We're changing day to day,
But tell me, where do the children play?

Well you roll on roads over fresh green grass.
For your lorry loads pumping petrol gas.
And you make them long, and you make them tough.
But they just go on and on, and it seems that you can't get off.

Oh, I know we've come a long way,
We're changing day to day,
But tell me, where do the children play?

Well you've cracked the sky, scrapers fill the air.
But will you keep on building higher
'til there's no more room up there?
Will you make us laugh, will you make us cry?
Will you tell us when to live, will you tell us when to die?

I know we've come a long way,
We're changing day to day,
But tell me, where do the children play?

Cat Stevens
Tea For The Tillerman
Released 1970
Produced by : Paul Samwell-Smith



เศรษฐสิทธิ์ บุลเสฏฐ์
14 มิถุนายน 2549