Monday, November 13, 2006

" ก้น "



สาวคนหนึ่งเคยถามคำถามที่ทำให้ผมต้องใช้เวลาคิดอยู่นานทีเดียว “ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบส่วนใดในตัวผู้หญิงมากที่สุด” ผมบอกเธอว่า น่าจะต่างจิตต่างใจนะ ถ้าส่วนตัวผมแล้วผู้หญิงต้องขาเรียวสวย ผิวสวย นอกนั้นสำหรับผมยังไงก็ได้ เธอบอกว่าเท่าที่เธฮรู้จักเพื่อน ๆ หนุ่มด้วยกันส่วนใหญ่มักจะชอบมองก้นและหน้าอก สองอย่างนี้คือประตูหน้าที่บรรดาหนุ่ม ๆ จะให้ความสนใจ
ด้วยคำถามเดียวกัน ผมถามเธอกลับบ้าง “แล้วสาวๆ สมัยนี้มองส่วนไหนของผู้ชาย” เธอบอกว่าบั้นท้ายนั่นแหละที่จะสามารถดึงดูดความสนใจให้บรรดาสาว ๆ เคลิบเคลิ้มและคลั่งไคล้ในตัวหนุ่มผู้นั้นได้ “สาว ๆ ก็ให้ความสำคัญกับก้นของชายหนุ่มด้วยหรือนี่” ถ้าไม่ออกมาจากปากของตัวแทนสาว ๆ ผมคงไม่มีวันเชื่ออย่างแน่นอน เธอบอกว่าค่านิยมชื่นชมบั้นท้ายชายหนุ่มเกิดขึ้นในเมืองนอกสาว ๆ ต่างชาติจะพิจารณาก้นของชายหนุ่มก่อนอื่นที่จะเข้าไปทำความรู้จัก ว่ากันว่า
แบรด พิต ในหนังเรื่อง ทรอย ทำให้สาว ๆ กลับมาให้ความนิยมในตัวเขาอีกครั้งจากพลังเสน่ห์แห่งบั้นท้ายของเขา ค่านิยมดังกล่าวเริ่มลุกลามมาสู่สาวไทยของเรา เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมเองก็ไม่ทราบได้ นั่นเป็นเพียงความคิดเห็นของตัวแทนเพียงคนเดียวของบรรดาสาวไทย
ผู้ชายคลั่งก้นสาว ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ผมพอจะได้ยินได้ฟังมาบ้าง แต่ผู้หญิงก็จ้องมองก้นผู้ชายเหมือนกัน เป็นเรื่องใหม่สำหรับผม (เพราะไม่เคยสังเกตและไม่เคยถามใคร)
ผมเคยพบบทความหนึ่งในเว็บและได้เซฟเก็บไว้(ขออภัยที่ไม่ได้จำที่มาของบทความแต่ขอขอบคุณเจ้าของบทความไว้นะที่นี้ด้วยครับ)จะขอนำมาเล่าต่อดังนี้ เขาว่าก้นสามารถบอกนิสัยใจคอของสาวผู้เป็นเจ้าของได้ดังนี้

ก้นแบบที่ 1 "ก้นกลมกลึงและผึ่งผาย"
ความกลมกลึง และ ผายใหญ่ของก้นสาว ประเภทนี้ บ่งบอกถึง ความมีเสน่ห์ ทางเพศของนางจนเต็มล้น ซึ่งคุณย่อมทราบดี ว่ายามที่ นางเคลื่อนไหวส่ายก้นนั้นจะเร้าใจขนาดไหน นางผู้นี้จะมีนิสัย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ชอบเข้าสังคม ทั้งยังเป็นสาวที่เปิดเผย พูดจา ตรงไปตรงมา และ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี และด้วยความมั่นใจ ในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม นางจึง ชอบความท้าทาย เป็นพิเศษ แต่ก็เบื่อกับความ จำเจ เช่นกัน ดังนั้นควรพาเธอ เปลี่ยนบรรยากาศเสียบ้าง เพื่อชีวิตรักที่ยืนยง
ก้นแบบที่ 2 "ก้นจิ๋วแต่แจ๋ว"
ลักษณะก้นของนางผู้นี้ แม้จะเล็กแต่ก็แน่น ปึ๋งปั๋ง เรียกว่า แม้จะ ดูปริมาณไม่มาก แต่คุณภาพคับจอ นางจะเป็นคนไม่ชอบพูดพล่ามมากนัก เพราะนางเป็นนักปฏิบัติที่ดีนักแล จนคุณ อดสะท้านในความมหัศจรรย์ไม่ได้ นางผู้มีก้นเล็กนี้ จะชอบอะไรที่สนุกสนาน และ โลดโผน ความมีชีวิตชีวาของนาง จะทำให้คุณประทับใจ แต่นางก็เป็นสาวเอาแต่ใจตัวเอง และมักไม่ปล่อยตัว ปล่อยใจ ให้เตลิดเปิดเปิง เพราะนางใช้สมองตัดสินใจ มากกว่าอารมณ ์แต่ถ้าทั้งสองอย่างมาบรรจบกันความสุขนานับประการจะตกอยู่ที่คุณ
ก้นแบบที่ 3 "ก้นแบนและแฟบ"
สำหรับนางที่มีก้นแบน มักจะแสดงออกถึงความเป็นสาวที่ รักนวลสงวนตัวเป็นที่ตั้ง เหตุเพราะความไม่มั่นใจ ในสรีระร่างกายเป็นที่ตั้ง นางจะสามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น คุณจึงมีหน้าที่เป็นผู้สร้างอารมณ์ให้กับนางเท่านั้น เพราะนางจะชอบเก็บเนื้อเก็บตัว และ ชอบครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว แต่เมื่อนางคิดอยากจะให้ใครมา สัมผัสเนื้อนูนของนางแล้วนั้น นางจะจงรักภักดีไปตลอดกาล
ก้นแบบที่ 4 "ก้นย้อยและย้วย"
นางใดที่เป็นเจ้าของก้นลักษณะนี้ มักจะมีอายุเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะด้วย แรงดึงดูดของโลก ผนวกกับกาลเวลา จึงแปรผันให้นางเป็นเช่นนี้แล นางจะ เป็นสาวชอบสันโดษ ไม่ชอบความท้าทาย เป็นอย่างยิ่ง และนางก็จะไม่ฟิตเท่าที่ควร หากคุณ (ยัง) อยากมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนาง จำต้องสรรหา สถานที่ที่เป็นส่วนตัว แบบสุดๆ เท่าที่จะทำได้ เพราะนางจะรู้สึกกังวล และ ไม่กล้าเปิดเผย แต่นางก็เป็นคนที่รักสงบ และ ไม่ชอบระรานใคร
ก้นแบบที่5 "ก้นงอนและกลมกลึง"
หากนางใดได้เป็นเจ้าของ บั้นท้าย ลักษณะนี้ ถือว่ามีโชคและสิริมงคลต่อผู้เป็นเจ้าของ ทั้งทางนิตินัย และทางพฤตินัย นักแล เพราะก้นนี้ เป็นลักษณะที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้นำ ความสำเร็จในชีวิต และ ความมั่งคั่ง แต่บางครั้งอารมณ์นางจะทำให้คุณ เกิดปัญหาบ้าง เพราะมีครบทุกรส ขึ้นอยู่ที่ว่า คุณจะประคับประคอง และ รู้หลบรู้หลีก ไปได้ดีแค่ไหน สำหรับเรื่องความร้อนแรงนั่นเล่า นางจะต้องการ อย่างไม่มีวันจบสิ้น นางชอบความ เร้าใจอยู่เสมอ ผู้ใดเป็นเจ้าของทั้งทางนิตินัย และ พฤตินัยของนาง จะประสบความสำเร็จในชีวิต มั่งคั่งและ ร่ำรวยเงินทอง

Fat Bottomed Girls
Queen.
album Jazz.
released in 1978

are you gonna take me home tonight
ah down beside that red firelight
are you gonna let it all hang out
fat bottomed girls
you make the rockin' world go round

hey i was just a skinny lad
never knew no good from bad
but i knew life before i left my nursery
left alone with big fat fanny
she was such a naughty nanny
heap big woman you made a bad boy out of me
hey hey

i've been singing with my band
across the wire across the land
i seen ev'ry blue eyed floozy on the way
but their beauty and their style
went kind of smooth after a while
take me to them dirty ladies every time

oh won't you take me home tonight
oh down beside your red firelight
oh and you give it all you got
fat bottomed girls you make the rockin' world go round
fat bottomed girls you make the rockin' world go round

hey listen here
now your mortgages and homes
i got stiffness in the bones
ain't no beauty queens in this locality i tell you
oh but i still get my pleasure
still got my greatest treasure
heap big woman you gonna make a big man out of me
now get this

oh you gonna take me home tonight please
oh down beside your red firelight
oh you gonna let it all hang out
fat bottomed girls you make the rockin' world go round
fat bottomed girls you make the rockin' world go round
get on your bikes and ride

oooh yeah them fat bottomed girls
fat bottomed girls
yeah yeah yeah
fat bottomed girls
yes yes


เพลงนี้เป็นหนึ่งในหลาย ๆ เพลงของวงควีน (ราชาในนามราชินี สำนวนของคุณวิฑูร วทัญญู ดีเจชื่อดังสมัยผมยังเด็ก)ที่ผมชอบมาก ความจริงก็ชอบเกือบจะทุกเพลง ผู้แต่งเพลงนี้คือมือกีตาร์ของวงไบรอัน เมย์ (Brian May) ประเด็นหลักที่ต้องการสื่อสารคือผู้หญิงสวยอาจจะไม่สวยอย่างที่เห็นก็เป็นได้ ปัจจุบันสมาชิกของควีนยังอยู่ครบคือ กีตาร์ : Brian May เบส : John Deacon
กลอง : Roger Taylor ส่วนเปียโน – นักร้องนำ – และคนเขียนเพลงส่วนใหญ่ คือ
Freddie Murcury ได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้วจากการติดเชื้อเอดส์

Wednesday, November 08, 2006

"น้ำ"


ผมลืมไปแล้วว่าครั้งแรกที่ผมต้องจ่ายเงินซื้อ ”น้ำเปล่า” กินนั้น มันตั้งแต่เมื่อไรกัน จำได้แต่ว่าตอนเด็ก ๆ นั้นไม่ว่าจะไปกินก๊วยเตี๋ยวที่ร้านไหน หากสั่งน้ำแข็งเปล่าก็จะได้รับการบริการฟรี ไม่เสียเงิน ยกเว้นวันไหนมีตังค์เหลือก็สั่งน้ำอัดลมมากิน วันนั้นไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้างหน้า “น้ำเปล่า” จะมีราคาและนำมาขายได้ และขายดีซะด้วย เมื่อตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยม ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวเดนมาร์ก เที่ยวบินนั้นต้องแวะค้างที่กรุงอัมมันประเทศจอร์แดนหนึ่งคืน ผมกับแม่ได้มีโอกาสแวะชิมอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เราสองแม่ลูกก็ลองสั่งอาหารพื้นบ้านของเขา ซึ่งเราทั้งคู่ไม่รู้จักสักรายการ อาศัยจิ้ม ๆ ในรายการอาหาร และสอบถามคร่าว ๆ ถึงเมนูนั้น ๆ พร้อม ๆ กับชำเลืองมองราคาไปด้วย ในหัวก็คำนวนออกมาเป็นเงินบาท เมื่อถึงเครื่องดื่ม ผมสั่งโคคา โคล่า แม่ขอน้ำเปล่า
เมื่อบริกรเดินจากไป ผมก็ยังคงหมกมุ่นอยู่กับเมนูเล่มนั้น เพราะไม่รู้จะไปสนใจอะไร จึงใช้เวลาไปกับการไล่สายตาไปบนรายการอาหารและดูราคาพร้อมคำนวณออกมาเป็นเงินบาท เมื่อไล่มาถึงน้ำเปล่า ก็ตกใจว่าน้ำเปล่ามามีในรายการอาหารและเครื่องดื่มด้วยหรือ และยิ่งให้ตกใจไปมากกว่านั้น ราคาของมันเมื่อคำนวณเป็นเงินบาทแล้วสูงมาก ผมจำราคาไม่ได้ แต่จำความรู้สึกตกใจในตอนนั้นได้ ขนาดน้ำเปล่ายังแพงขนาดนั้นแล้วโคคา โคลา ของผมมันจะราคาเท่าไรกันล่ะนี่ แต่แล้วก็ผิดคาด โคคา โคลา ของผมราคาถูกกว่าน้ำเปล่ามาก แม้กระทั่งเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เบียร์ เหล้า ก็ราคาถูกกว่า นั่นอาจจะเกือบ ๆ 30 ปีมาแล้ว ความรู้สึกของผมตอนนั้นคิดว่าเมืองทะเลทราย น้ำคงหายาก จึงนำเอามาขายในราคาสูง ๆ ได้ สู้เมืองไทยเราไม่ได้ น้ำเปล่า (หรือที่เรียกกันติดปากเวลาไปกินตามร้านว่า”น้ำแข็งเปล่า”) นั้นให้ฟรี นั่นเป็นเรื่องมูลค่าของ”น้ำ”ที่เพิ่มมูลค่าขึ้นทุกวัน จนเราไม่ทันสังเกต
ผมเคยมีคำถามที่อยากรู้เกี่ยวกับ”น้ำ”มากมายหลายคำถาม เริ่มต้นตั้งแต่เรียนวิชาภูมิศาสตร์ที่ตำราสอนไว้ว่า แผ่นดินกับแผ่นน้ำนั้นมีสัดส่วน 1:3 หมายถึงว่าบนโลกเรานั้นมี่พื้นดินเพียง 1 ใน 3 ของพื้นน้ำ โตขึ้นมาผมจินตนาการคำถามกับตัวเองต่อไปว่าในอนาคตสัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือไม่ ก่อนหน้าที่สัดส่วนจะเป็น 1:3 นั้น สัดส่วนเคยเป็น 2:2 หรือไม่ แล้วผืนน้ำก็เพิ่มขึ้นเบียดให้ผืนดินเหลือเพียง 1 ส่วน หากเป็นเช่นนั้นในวันข้างหน้าผืนดินเราจะลดลงไปอีกหรือเปล่า จนในที่สุดโลกอาจจะเป็นน้ำทั้งหมดก็ได้ แล้วคำถามก็ได้รับคำตอบว่าเป็นไปได้เพราะน้ำแข็งที่ขั้วโลกมีโอกาสละลาย จนน้ำท่วมโลก แต่ผมก็ไม่ทราบว่ามันจะอีกนานแค่ไหน

คำถามที่ตามมาเกี่ยวกับ”น้ำ”ของผมก็คือ น้ำมีชีวิตจิตใจหรือเปล่า แล้วก็ดูเหมือนผมจะได้คำตอบเมื่ออ่านหนังสือเจอการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นท่านหนึ่งที่ทำการทดลองและสรุปเอาไว้ว่าน้ำมีชีวิตจิตใจ มีอารมณ์ เขานำน้ำมาส่องกล้องดูผลึกของน้ำซึ่งก่อนส่องก็จะพูดคำเพราะ ๆ ให้น้ำฟัง แล้วนำมาส่องดูผลึก ๆ จะสวยงามมาก จากนั้นก็นำน้ำแก้วเดียวกันนั้นมาพูดคำหยาบคายต่าง ๆ นา ๆ ให้ฟัง ผลึกของน้ำจะดูน่ากลัว และยังทำการทดลองอีกหลาย ๆ วิธีผมจำไม่ได้ซะแล้ว ซึ่งก็ได้บทสรุปออกมาว่า”น้ำ” มีชีวิต จิตใจและมีอารมณ์
และยังเคยอ่านหนังสือพบว่า ถ้าคุณตื่นนอนตอนเช้าแล้วยังไม่ต้องแปรงฟันแต่ดื่มน้ำอุณหภูมิปกติให้ได้ในคราวเดียว 5 แก้ว จนเป็นนิสัยไปตลอด ร่างกายของคุณจะแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ระบบขับถ่ายและระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะทำงานได้อย่างดี ผมไม่ทราบว่าจะเป็นจริงหรือไม่ แต่ลองดูก็ไม่เห็นจะเสียหาย เพราะอย่างไรเสียน้ำก็มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่ดี

ทุกวันนี้เมื่อเข้าร้านอาหารผมมักจะสั่งโค้ก เพราะราคาก็ไล่ ๆ กันกับน้ำ และตัวเองก็รู้สึกเอาเองว่า ในราคาที่ใกล้เคียงการดื่มน้ำอัดลมน่าจะคุ้มค่ากว่าน้ำเปล่า(คิดโง่ ๆ หรือเปล่าไม่รู้) นอกเสียจากบางครั้งที่รู้สึกว่าพุงตัวเองชักยื่น ๆ และอึดอัดก็จะสั่งน้ำเปล่า เพราะน้ำอัดลมนั้นมีส่วนทำให้พุงป่องอย่างแรง ถึงเวลานี้จึงอยากรู้นักว่าไอ้น้ำอัดลมนี่มันเข้ามาในเมืองไทยตั้งแต่เมื่อไรกันนะ เท่าที่จำได้เกิดมาผมก็เจอกับมันแล้ว และที่จำได้ลึก ๆ(หมายถึงถ้าไม่นั่งคิดจริง ๆ ก็อาจลืมไปแล้ว)ก็คือหนังโฆษณาของโคคา โคลา ซึ่งตอนนั้นผมน่าจะอายุไม่เกินแปด เก้าขวบ เป็นหนังโฆษณาที่ใช้เพลงเป็นตัวสื่อ มาค้นพบภายหลังว่าหนังโฆษณาชุดนั้นออกอากาศไปทั่วโลกในปี 1971 ชื่อเพลง
“I like to buy the world a Coke” แต่งโดย Roger Cook และ Roger Greenaway จากนั้นเพลงก็ฮิตและถูกนำมาแต่งเนื้อเพลงใหม่และขับร้องเพื่อการพาณิชย์โดยเฉพาะโดยวง The New Seekers และ The Hillside Singers โดยครั้งแรกนั้นวง The New Seekers นั้นไม่ว่างที่จะบันทึกเสียง วง The Hillside Singers จึงได้รับเลือกให้บันทึกเสียงและออกซิงเกิ้ลแรกไปก่อน แต่หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ The New Seekers ได้บันทึกเสียงและออกซิงเกิ้ลซึ่งนับเป็นเวอร์ชั่นที่ 2 และเวอร์ชั่นของThe New Seekers นี้เองที่พาให้เพลง “I like to teach the world to sing” ขึ้นสู่ top 10 บนชาร์ตของอเมริกา อาจจะนับได้ว่าเพลงโฆษณานั้นได้ช่วยโปรโมทให้เพลง ๆ นี้ดังล่วงหน้าไปก่อนแล้ว เมื่อเพลงได้ถูกบันทึกออกมาเป็นซิงเกิ้ลจึงโด่งดังและได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว อิทธิพลจากทีวีเริ่มเข้ามามีบทบาทกับความนิยมของบทเพลงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระมัง
I’d like to teach the world to sing
I'd like to build the world a home
And furnish it with love
Grow apple trees and honey bees
And snow-white turtle doves

Chorus:
I'd like to teach the world to sing
In perfect harmony
I'd like to hold it in my arms
And keep it company
(that's the song i hear)
I'd like to see the world for once
(let the world sing today)
All standing hand in hand

And hear them echo through the hills
For peace throughout the land
That's the song i hear
(that's the song i hear)
Let the world sing today
(let the whole wide world keep singing)
A song of peace that echoes on
And never goes away

(repeat 1st stanza and chorus)

Put your hand in my hand
Let's begin today
Put your hand in my hand
Help me find a way

(repeat chorus til fade)