Thursday, November 24, 2005

คนไทยบนเรือไททานิค:ความทรงจำที่ไม่มีวันจม



“บ้านของคุณอยู่ที่ไหน”

“สำหรับตอนนี้ บ้านของผมก็คือ เรือไททานิค
หลังจากนั้น ก็แล้วแต่พระเจ้า
ผมมาอยู่บนเรือลำนี้ได้เพราะเล่นไพ่ชนะ
ช่างโชคดีจริง ๆ
ชีวิตคือเกมส์แห่งโชค”

“คุณพอใจที่จะมีชีวิตอยู่โดยไร้อนาคตงั้นหรือ”

“...ใช่ครับ , ผมมีสิ่งที่ผมต้องการอยู่กับตัว
ผมมีอากาศสำหรับหายใจ มีกระดาษเปล่าสำหรับวาดภาพ
ผมรักที่จะตื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอกับอะไร
จะกินอะไร จะนอนที่ไหน
คืนก่อนผมยังนอนอยู่ใต้สะพาน
คืนนี้ได้มานอนบนเรือที่ยิ่งใหญ่
ดื่มเหล้ากับพวกผู้ดี
ชีวิตคือของขวัญ อย่าเสียเวลาเปล่า ๆ
เพราะเราไม่รู้ว่าไพ่ในมือจะขึ้นมาแบบไหน
ต้องพร้อมเผชิญกับชีวิตให้ได้ทุกรูปแบบ
.......ทำแต่ละวันให้มีค่าที่สุด”

บทสนทนาบนโต๊ะอาหารระหว่างพวกผู้ดีกับแจ็ค ดอร์สัน หนุ่มพเนจรซึ่งโชคดีได้ตั๋วขึ้นเรือมาจากการเล่นไพ่ ในค่ำคืนสุดท้าย 14เมษายน 2455 ก่อนที่เรือไททานิคจะจมลงสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติก ไม่ว่าแจ็ค ดอร์สันจะมีตัวตนจริงหรือไม่ หรือเขาเป็นแค่เพียงบุคคลในจินตนาการที่เจมส์ คาเมรอนผู้เขียนบทภาพยนตร์สร้างขึ้นมา หากแต่ว่าคนแบบแจ็คนั้นมีตัวจริงแน่นอนบนโลกใบนี้ ผมดูภาพยนตร์เรื่องนี้นับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งที่ดูผมรู้สึกซาบซึ้งและทุกครั้งจะรู้สึกอินไปกับเหตุการณ์ แม้เรือลำนี้จะจมลงไปนับถึงวันนี้ก็เกือบจะ 100ปีแล้วก็ตาม
ต้องยอมรับว่าผมมาหลงเสน่ห์เรือลำนี้เข้าก็ตอนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย จากนั้นก็เริ่มออกสำรวจทุกอย่างเกี่ยวกับเรือลำนี้ เมื่อเริ่มต้นสำรวจผมอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองทำไปเพราะอะไร รู้แต่เพียงว่าตัวเองรู้สึกผูกพันอย่างมาก สิ่งที่ปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ แม้จะรู้ว่าเป็นการเขียนบทขึ้นมา แต่ทุกครั้งที่หยิบดีวีดีขึ้นมาดู เหมือนตัวเองได้หลุดเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์คืนนั้น แล้วก็คิดต่อเอาเองว่าไม่แน่ มันอาจจะมีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง ๆ ก็ได้ เพราะตั้งแต่ไททานิคจมลง นอกจากจะทิ้งเรื่องราวและข้อมูลส่วนหนึ่งให้คนรุ่นหลังสามารถติดตามความจริงออกมาได้ แต่ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งซึ่งยังเป็นความลับที่ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ ช่องว่างตรงนี้จึงเป็นโอกาสให้นักจินตนาการได้วาดฝันใส่ลงไป ผมเองยังเคยคิดเอาเองเล่น ๆ เลยว่า เรือยักษ์ลำแรกของโลกในวันนั้นกับการเดินทางครั้งแรกของเธอทำไมไม่มีคนไทยอยู่ในเรือลำนั้นเลยเชียวหรือ ผมอยากให้มีคนไทยอยากให้มีตัวแทนคนไทยสักคนได้มีโอกาสร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้น ผมพยายามสืบเสาะหารายชื่อผู้รอดตาย ผู้สูญหายที่อาจจะเป็นคนไทย แต่ก็ไม่พบ ครั้นจะฟันธงว่าไม่มี ก็ยังไม่ยุติธรรมเพราะมีร่างที่ไม่สามารถระบุได้ถึงที่มาที่ไปอยู่อีกมาก และร่างที่สูญหายไปกลางทะเลอีก อย่างไรก็ตามแม้การเดินทางสำรวจเรื่อไททานิคของผมจะไปสามารถค้นพบคนไทยในตอนนี้แต่แล้ววันหนึ่งผมก็เจอเข้ากับใครบางคนที่เกี่ยวข้องกับเมืองไทยและอยู่บนเรือไททานิคในคืนนั้น ผมเจอผู้รอดชีวิตสามคนพ่อแม่ลูก ครอบครัวคลาด์เวลล์ (Caldwell) Mr. Albert F. Caldwell ,Mrs.Sylvia Mae Cladwell และบุตรชาย Alden Gates Caldwell ซึ่งถือกำเนิดในกรุงเทพฯเวลานั้นมีอายุเพียง 1 ปี อัลเบิร์ตและซิลเวียเป็นครูทั้งคู่สอนอยู่ที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ทั้งสามเดินทางกลับบ้านเกิดในเดือนเมษายน 2455 สำหรับผมเด็กชายอัลเด็น คลาด์เวลล์ น่าจะนับว่าเป็นคนไทยได้หรือเปล่า เพราะเกิดในแผ่นดินไทย เสียดายที่ว่าในประวัติซึ่งนายอัลเบิร์ต คลาด์เวลล์เขียนเล่าไว้ภายหลังว่า ตอนที่ลูกชายเขาเกิด กงสุลอเมริกันยังไม่สามารถจดทะเบียนการเกิดให้กับลูกชายได้
อัลเบิร์ตยังเขียนเล่าต่อไปอีกว่าพวกเขาเดินทางออกจากประเทศไทยและในขณะอยู่ที่ยุโรป ได้เห็นป้ายโฆษณาของบริษัทไวท์สตาร์ เกี่ยวกับการเดินทางเที่ยวแรกของเรือไททานิค เรือที่ใหญ่ยักษ์ที่สุดในวันนั้น เรื่อที่ได้ชื่อว่าไม่มีวันจม เขาเล่าว่า เขาเห็นโฆษณาที่โรงแรมแต่ไม่สามารถที่จะซื้อตั๋วได้ เขาจะต้องเดินทางไปยังกรุงลอนดอนเพื่อซื้อตั๋ว แต่ตั๋วก็เต็มหมด เขาต้องรอว่าจะมีใครยกเลิกตั๋วเดินทางเที่ยวนี้บ้างหรือไม่ ในที่สุดพวกเขาได้ตั๋วชั้น 2และขึ้นเรือที่ท่าเรือเซาท์แธมป์ตันจนได้ โดยไม่รู้หรือไม่จำเป็นต้องรู้ด้วยว่าไพ่ในมือของเขานั้นจะเป็นอย่างไร
14เม.ย. 2455 เวลาประมาณ 23.40น. เรือไททานิคชนภูเขาน้ำแข็ง
15เม.ย.2455 เวลาประมาณ 2.20น. ใช้เวลาประมาณ 2ชั่วโมง40นาที
ไททานิคจมลงสู่ก้นทะเล
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 160นาทีนั้น ยังคงมีเสน่ห์ชวนค้นหาตลอดมา จนถึงวันนี้ก็ 93ปี
ยังมีเรื่องอีกมากมายที่เกิดขึ้นหลังจากที่เรือจมลง วันหลังมีโอกาสจะนำมาเล่าต่อ
ขออนุญาตปิดคอลัมน์นี้ด้วยบทพูดท้ายสุดของภาพยนตร์ไททานิค ซึ่งกล่าวโดยหัวหน้านักสำรวจ
“ 3 ปีที่ผมเฝ้าคิดถึงแต่ไททานิค แต่ไม่เคยเข้าใจเลย ไม่เคยเข้าถึงอย่างถ่องแท้เลย”

ศ.เศรษฐสิทธิ

No comments: